เรียนรู้เรื่องเพชรแบบมือโปร ตามหลักการสากล 4Cs

เรียนรู้เรื่องเพชรแบบมือโปร ตามหลักการสากล 4Cs

หลักการ 4Cs คืออะไร และ สำคัญอย่างไร

เพชร เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ ความแข็งแกร่ง และใช้เป็นตัวแทนสื่อกลางของความรักมาอย่างยาวนาน แต่ถึงกระนั้น ในการซื้อขายเพชรกลับไม่มีหลักการที่เป็นที่ยอมรับในจำแนกเพชร ว่าสวยหรือไม่สวย

จนกระทั่ง ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 สถาบันวิจัย GIA หรือ Gemological Institute of America เป็นสถาบันศึกษาค้นคว้า และ วิจัยด้านอัญมณีศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ได้เป็นผู้คิดค้นหลักการในการจำแนกคุณภาพเพชรขึ้น โดยยึดหลักการ 4 อย่างดังนี้ Carat Weight น้ำหนักเพชร , Color Grade สีของเพชร , Clarity Grade ความสะอาดของเพชร และ Cut Grade การเจียระไนเพชร รวมเรียกหลักการนี้ว่า “ หลักการ 4Cs ”

หลักการ 4Cs นี้ได้กลายเป็นหลักการสากลที่ใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วโลกในปัจจุบัน ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบคุณค่าของเพชรแต่ละเม็ด และ ลูกค้าสามารถเข้าใจและซื้อขายด้วยมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

CARAT WEIGHT

น้ำหนักของเพชร เราวัดขนาดของเพชรแต่ละเม็ด และ ซื้อขายกัน บนมาตรฐานของน้ำหนัก โดยน้ำหนักของเพชรมีหน่วยเป็น กระรัต Carat หรือ ct โดยที่ 1 กระรัต มีน้ำหนักเท่า 0.2 กรัม

สำหรับประเทศไทยเราจะมีชื่อเรียกหน่วยที่เล็กกว่ากระรัต ว่า “สตางค์ ”หรือ “ ตัง ” เช่น

    • 1.00 ct เรียกว่า 1 กระรัต
    • 0.90 ct เรียกว่า เก้าสิบตัง
    • 0.05 ct เรียกว่า ห้าตัง

โดยเพชรแต่ละน้ำหนักจะมีขนาดหน้ากว้างดังรูป

[su_spacer]

ข้อสนใจในตลาดซื้อขายเพชร ราคาของเพชรจะไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ สีของเพชร ความสะอาด การเจียระไน และรายละเอียดอื่น ๆบนหน้าใบเซอร์ ที่เป็นตัวแบ่งราคา น้ำหนักของเพชรก็เช่นกัน ราคาเพชรต่อกระรัตจะสูงขึ้นทุกช่วงน้ำหนักที่มีมากขึ้น เช่น

    • 0.40 กระรัต – 0.49 กระรัต D color VVS2 ราคาต่อกระรัต
    • 0.50 กระรัต – 0.59 กระรัต D color VVS2 ราคาต่อกระรัต

จะเห็นได้ว่าราคา จาก 0.40 กระรัต เปลี่ยนเป็น 0.50 กระรัต ราคาโดดห่างกันมาก แต่อย่างไรก็ตามราคาต่อกระรัตที่มีความห่างมากที่สุด จะอยู่ในช่วง 0.40 กระรัต- 0.49 กระรัต กับ 0.50 กระรัต – 0.59 กระรัต และ 0.90 กระรัต -0.99 กระรัต และ 1.00 กระรัต – 1.49 กระรัต

ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ “ Premium Size Diamonds ” หรือ เพชรไซด์ขนาดพิเศษได้รับความนิยม เช่น 0.48 กระรัต และ 0.97 กระรัต เพราะสามารถช่วยประหยัดเงินได้มาก และได้เพชรที่มีขนาดใกล้เคียง อีกทั้งเมื่อฝังลงตัวเรือนแล้ว นำมาเปรียบเทียบกันก็ไม่สามารถแยกออกได้

COLOR GRADE

สีของเนื้อเพชร หรือระดับความขาวของเนื้อเพชร

ในอดีตกาล ก่อนหลักการ 4Cs จะเกิดขึ้น ในการซื้อขายเพชรไม่ได้มีมาตรฐาน ร้านค้าต่างๆจึงสร้างคุณภาพของตนเองขึ้น เช่นตั้งคุณภาพเกรด A แต่ด้วยการแข่งขันทำให้ร้านค้าอื่นตั้งคุณภาพเกทับเป็น AA, AAA, AAA+ เป็นต้น อีกทั้งอักษร A B C ยังถูกนำไปใช้กับเพชรปลอม เช่น Synthetic Moissanite และ Synthetic Cubic Zirconia ( CZ ) ดังนั้น สถาบัน GIA จึงใช้ อักษร D เป็นตัวเริ่มต้นสำหรับ สีของเพชรธรรมชาติ เพราะยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ และ ป้องกันการเข้าใจผิด

สีของเนื้อเพชรสามารถแบ่งได้ดังนี้

D color หรือ “ น้ำ 100 ” เป็นสีที่ขาวที่สุด หรือ เพชรไร้สี ซึ่งถือว่าเป็นเพชรที่หายาก และมีน้ำงามที่สุด รองลงมาคือ E color หรือ “ น้ำ 99 ” และ F color หรือ “ น้ำ 98 ” ที่เป็นสีสุดท้ายในโหมด Colorless โซนไม่มีสี คนส่วนใหญ่คิดว่าเพชรที่เราใช้ในงานจิวเวลรี่เป็นเพชรที่อยู่ใน โหมด Colorless แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพชรในโหมดนี้เป็นเพชรที่หายาก และอัตราส่วนแค่ 10 % ของจำนวนเพชรทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งเพชรส่วนใหญ่ที่ใช้ในงานจิวเวลรี่ทั่วไปจะอยู่ในโหมด Near colorless ถึง Very light Yellow

สำหรับมาตรฐาน ร้านวิจิตรา จิวเวลรี่ เรามีนักอัญมณีศาสตร์ สถาบัน GIA เป็นผู้คัดสรรเพชรให้แก่ลูกค้า โดยการันตีเพชรที่ขนาดน้อยกว่า 0.30 ct จะเป็น E color น้ำ 99 ขึ้นไป ทุกเม็ด สำหรับเพชรที่มีขนาดมากกว่า 0.30 ct ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าใช้ D color น้ำ 100 ,E color น้ำ 99 หรือ F color น้ำ 98ที่อยู่ในโหมด Colorless โหมดไร้สี ที่มาพร้อมใบเซอร์ จากสถาบัน GIA ซึ่งลูกค้าสามารถดูเพชรจริงได้ที่ร้านวิจิตรา จิวเวลรี่ทั้ง 6 สาขาของเราคะ

ต่อมา เพชรที่อยู่ในโหมด Near colorless คือ G color น้ำ 97, H color น้ำ 96, I color น้ำ 95 และ J color น้ำ 94 เพชรที่อยู่ในโหมดนี้เริ่มมีสีเหลืองนิดๆ ซึ่งความเข้มจะไล่ตามเฉดสีจาก G – J

COLOR GRADE

ความสะอาดของเพชร มีความสำคัญต่อปัจจัย 4 อย่างดังนี้

      1. ความสะอาดของเพชร มีความสำคัญต่อราคา ทำให้ราคาเพชรมีความแตกต่างตามคุณภาพ
      2. ความสะอาดของเพชร มีความสำคัญต่อความสวยงาม เพชรที่มีมลทินที่สามารถเห็นได้ จะทำให้รูปสักษณ์ขอเพชรมีลักษณะเป็นฝ้า หรือ จุดดำ เป็นต้น
      3. ความสะอาดของเพชร มีความสำคัญต่อการเล่นไฟของเพชร ถ้าเพชรที่มีมลทินภายในขนาดใหญ่ ก็สามารถมีผลกระทบต่อการวิ่งเข้าออกของแสงได้
      4. ความสะอาดของเพชร มีสำคัญต่อความแข็งแรงของเม็ดเพชร ถ้าเพชรที่ทีมลทินภายในเนื้อเพชรมาก หรือ มีขนาดใหญ่มาก จะมีความเปราะบาง และ แตกหักได้ง่ายกว่าเพชรอื่น

ระดับความสะอาดของเพชรสามารถแบ่งได้

ระดับความสะอาดของเพชร ความสามารถในการมองเห็นด้วยกล้องขนาด 10 X
FL Flawless
  • ไม่มีมลทินภายใน และ ไม่มีรอยขูดขีดที่ผิวเพชร
IF Internally Flawless
  • ไม่มีมลทินภายใน แต่ที่ผิวเพชรมีรอยขูดขีดเล็กน้อยซึ่งยากต่อการมองเห็นด้วยกล้อง
VVS1 Very Very Slightly Included
  • มีมลทินมีขนาดเล็กมากที่สุด ยากมากต่อการมองเห็นด้วยกล้อง
  • โดยส่วนใหญ่ตำแหน่งของมลทิน อยู่ในบริเวณด้านข้าง หรือ บริเวณด้านหลังของเพชร
VVS2 Very Very Slightly Included
  • มีมลทินที่มีขนาดเล็กมากที่สุด ยากมากต่อการมองเห็นด้วยกล้อง
  • โดยส่วนใหญ่ตำแหน่งของมลทินอยู่ในบริเวณใกล้ table ของเพชร
VS1 Very Slightly Included
  • มีมลทินที่มีขนาดเล็กที่ยากต่อการมองเห็นด้วยกล้อง
  • โดยส่วนใหญ่ตำแหน่งของมลทินอยู่ในบริเวณด้านข้าง หรือ บริเวณด้านหลังของเพชร
VS2 Very Slightly Included
  • มีมลทินที่มีขนาดเล็กที่ยากต่อการมองเห็นด้วยกล้อง
  • โดยส่วนใหญ่ตำแหน่งของมลทินอยู่ในบริเวณใกล้ table ของเพชร
SI1 Slightly Included
  • มีมลทินที่มีขนาด และตำแหน่ง ที่สามารถสังเกตได้ง่ายด้วยกล้อง
SI2 Slightly Included
  • มีมลทินที่มีขนาด และตำแหน่ง สามารถสังเกตได้ง่ายด้วยกล้อง ชัดเจนกว่า SI1 และเริ่มมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
I1 Included
  • มีมลทินที่มีขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน
I2 Included
  • มีมลทินที่มีขนาดใหญ่ ที่มองเห็นเป๋นฝ้าขาวกระจายบริเวณกว้าง มีผลต่อการเล่นไฟ และ ตัวเพชรจะมีความเปราะบางสูง
I3 Included
  • มีมลทินที่มีขนาดใหญ่ มองเห็นเป็นฝ้าขาว กระจายทั่วเพชร เพชรไม่เล่นไฟ และ เพชรมีความเปราะมากที่สุด สามารถแตกหักได้

CUT GRADE

คุณภาพของเจียระไนเพชร ปัจจัยนี้มีความสำคัญมาก คุณภาพการเจียระไนที่ดีทำให้เกิด ความสว่างไสว (Brigtness) ไฟของเม็ดเพชร (fire) และ ความระยิบระยับ (Scintillation) ที่นับว่าเป็นองค์ประกอบความสวยที่สำคัญของเพชร

เพชรที่เจียระไนได้สัดส่วนมีความสมมาตร จะมีผลโดยตรงต่อการ การกระตกกระทบของแสง การหักเห และ การสะท้อนกลับของแสง เมื่อแสงวิ่งเข้าสู่ภายในเม็ดเพชร เพชรที่เจียระไนที่ดี จะมีมุมองศาในการที่แสงวิ่งเข้าและวิ่งออกได้มากกว่า ทำให้ปริมาณของแสงสะท้อนกลับสู่สายตาเราได้มากกว่า เราจึงเห็นว่าเพชรเม็ดนั้นเล่นไฟได้ดี

เหลี่ยม Ideal Perfect Cut Hearts & Arrows เหลี่ยมเพชรที่เล่นไฟดีที่สุด

8 Perfect Hearts & 8 Perfect Arrows

เป็นเหลี่ยมของเพชรกลม ที่เจียระไนได้มีความสมมาตรกัน และ เป็นเหลี่ยมที่มีมุมองศาในการตกกระทบ การหักเหของแสง และ การสะท้อนกลับของแสงที่ดีที่สุด ทำให้เหลี่ยมเพชรชนิดนี้เล่นไฟได้ดี เพราะสะท้อนแสงกลับสู่สายตาเราได้มากกว่า โดยดูผ่านกล้องส่องเหลี่ยมเพชร จะเห็นที่ด้านหน้าเพชร หรือ Crown ปรากฏเป็น Arrows ทั้งหมด 8 อัน และที่ด้านหลัง หรือ Pavilion ปรากฏเป็น Hearts ทั้งหมด 8 ดวง โดยสว่างครบสมบูรณ์